คณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าตำบล (คพรต.) ทำหน้าที่ในการบริหารเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ในเขตพื้นที่ประกาศประเภท ก ของแต่ละพื้นที่ปกครองเขตตำบลโดยคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า (คพรฟ.) แต่งตั้ง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของระบบการบริหารกองทุนพัฒนาไฟฟ้า
คพรต. แต่ละคณะมีจำนวนกรรมการตามที่ คพรฟ. กำหนด ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 7 คน ประกอบด้วย
1. คพรต. ภาคประชาชน มีจำนวนเท่ากับจำนวนหมู่บ้านในตำบลนั้น และมีจำนวนไม่น้อยกว่าสองในสามของ คพรต. ทั้งหมด
2. คพรต. อื่น ๆ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนสถานศึกษา ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทนเครือข่ายชุมชน ผู้แทนสภาเยาวชน ผู้แทนศาสนสถาน ผู้แทนสื่อมวลชน มีจำนวนไม่เกินหนึ่งในสามของ คพรต. ทั้งหมด
1.สำรวจความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และสำรวจผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า เพื่อใช้ประกอบการจัดทำโครงการชุมชน
2. จัดทำแผนแม่บทพัฒนาชุมชน หรือตำบล เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
3. ส่งเสริม สนับสนุนการจัดทำโครงการชุมชนเพื่อเสนอขอใช้เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศโดยการจัดทำเวทีประชาคมตำบลหรือหมู่บ้าน
4. พิจารณากลั่นกรองโครงการชุมชน ก่อนเสนอ คพรฟ.
5. จัดประชุม คพรต. อย่างน้อย 3 เดือนครั้ง เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการชุมชนที่ได้รับ การสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ และรายงานความก้าวหน้าทุก 3 เดือน หรือเมื่อดำเนินการโครงการชุมชนแล้วเสร็จ
6. ส่งเสริมการให้ความรู้ในเรื่องเกี่ยวข้องกับกองทุนพัฒนาไฟฟ้าแก่ประชาชนในพื้นที่ประกาศ รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลกองทุนและผลการดำเนินงานแก่สื่อมวลชน ประชาชน และองค์กรต่าง ๆ ในพื้นที่ประกาศ
7. รับเรื่องร้องเรียน พิจารณาแก้ไขปัญหาเบื้องต้น และรายงาน คพรฟ.
8. ดำเนินงานอื่นใด ตามที่ คพรฟ. มอบหมาย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการบริหารเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ
1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์
3. มีพื้นความรู้ไม่ต่ำกว่าการศึกษาภาคบังคับ หรือที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบไม่ต่ำกว่าการศึกษาภาคบังคับ
4. มีชื่อในทะเบียนบ้านที่อยู่ในพื้นที่ประกาศติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันที่ดำเนินการสรรหา
5. ไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือผู้ช่วยผู้ดำเนินงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมาชิกวุฒิสภา เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการที่ปรึกษาพรรคการเมือง
6. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
7. ไม่ติดยาเสพติดให้โทษ
9. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
10. ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาล
11. ไม่เคยเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไป โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันดำเนินการ สรรหา เว้นแต่ความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
12. ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือประพฤติชั่่ว อย่างร้ายแรง หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
13. ไม่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในนิติกรรมสัญญาที่ทำกับกองทุนพัฒนาไฟฟ้า
1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ ยกเว้นผู้แทนกลุ่ม หรือสภาเยาวชนต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์
3. มีความรู้ ความสามารถ เพื่อการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า
4. มีชื่อในทะเบียนบ้านที่อยู่ในพื้นที่ประกาศติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันที่สมัครสรรหา
5. ไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง
6. ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมือง
7. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
8. ไม่ติดยาเสพติดให้โทษ
9. ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
10. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
11. ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาล
12. ไม่เคยเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไป โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันได้รับ การคัดเลือก เว้นแต่ความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
13. ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือประพฤติชั่ว อย่างร้ายแรง หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
14. ไม่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในนิติกรรมสัญญาที่ทำกับกองทุนพัฒนาไฟฟ้า
กรรมการ คพรต. มีวาระในการดำรงตำแหน่งคราวละสองปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง โดยดำรงตำแหน่งได้ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
กรรมการ คพรต. ที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งกรรมการ คพรต. ขึ้นใหม่
เพื่อให้มี กรรมการ คพรต. ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง ให้ดำเนินการสรรหากรรมการ คพรต. ขึ้นใหม่ เป็นการล่วงหน้าก่อนที่กรรมการ คพรต. ครบวาระตามสมควร
กรณีที่กรรมการ คพรต. พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระให้ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการ คพรต. ในภาค กันของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งแทนภายในสี่สิบห้าวันนับตั้งแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง และให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการ คพรต. ซึ่งตนแทน
กรณีที่วาระของกรรมการ คพรต. เหลืออยู่น้อยกว่าเก้าสิบวัน จะไม่ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการ คพรต. แทนตำแหน่งที่ว่างลงก็ได้ และในการนี้ ให้ คพรต. ประกอบด้วยกรรมการ คพรต. เท่าที่เหลืออยู่
1. ตาย
2. ลาออก
3. ย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านในพื้นที่ประกาศเกิน 90 วัน
4. ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามของการเป็นกรรมการ คพรต.
5. ขาดการประชุม 3 ครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
6. ประธาน คพรฟ. มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมติ คพรต. ไม่น้อยกว่าสองในสามของ คพรต. ที่เสนอให้พ้นจากตำแหน่งเพราะมีความประพฤติเสื่อมเสีย บกพร่อง ไม่สุจริตต่อหน้าที่หรือหย่อนความสามารถ
ประธาน คพรต. หรือกรรมการ คพรต. ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามมีอำนาจในการเรียกประชุม
การประชุม คพรต. ต้องมีกรรมการเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่จึงถือเป็นองค์ประชุม
ถ้าประธาน คพรต. ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธาน คพรต. เป็นประธานในการประชุม ถ้าประธาน คพรต.ละรองประธาน คพรต. ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการ คพรต. คนใดคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานในการประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุม ให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีหนึ่งเสียงในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในการประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
การลงมติของที่ประชุมให้กระทำโดยเปิดเผย เว้นแต่เมื่อที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นชอบให้ลงมติลับ
เลขานุการ คพรต. มีหน้าที่ออกหนังสือเชิญประชุมตามที่ประธาน หรือกรรมการไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามมอบหมาย โดยแจ้งให้ คพรต. ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 วัน และมีหน้าที่บันทึกการประชุม และส่งรายงานการประชุมให้ คพรต.
กรรมการ คพรต. ไม่สามารถแต่งตั้ง หรือส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมแทนได้